น้ำสลัดมีที่มาอย่างไร?
ต้นกำเนิดการทำน้ำสลัดนั้นสันนิษฐานว่าเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยบาบิโลน (Babylon) ซึ่งเป็นอาณาจักรโบราณในบริเวณเมโสโปเตเมียเมื่อประมาณ 1,800-600 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยชาวบาบิโลนนิยมนำน้ำมะนาว เกลือ และน้ำผึ้งมาผสมกันเพื่อใช้เป็นซอสจิ้มหรือน้ำจิ้มสำหรับผักสด ต่อมาชาวกรีกโบราณและชาวโรมันโบราณก็ได้นำสูตรน้ำสลัดของชาวบาบิโลนมาปรับใช้ โดยชาวกรีกนิยมนำน้ำมันมะกอกมาผสมกับน้ำมะนาวและน้ำผึ้ง ส่วนชาวโรมันนิยมนำน้ำมันมะกอกมาผสมกับน้ำส้มสายชูและน้ำผึ้ง
ในช่วงยุคกลาง น้ำสลัดได้แพร่หลายไปยังยุโรปตะวันตก โดยชาวยุโรปนิยมนำน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำมันมะกอก เกลือ และพริกไทย ต่อมาในศตวรรษที่ 17 ชาวฝรั่งเศสได้คิดค้นสูตรน้ำสลัดแบบใหม่ขึ้นมา โดยนำไข่ดิบมาตีกับน้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชู และเครื่องเทศต่างๆ น้ำสลัดสูตรนี้เรียกว่า "มายองเนส" (Mayonnaise) และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก
ในปัจจุบัน มีสูตรน้ำสลัดมากมายหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบและรสชาติที่ชื่นชอบ น้ำสลัดประเภทต่างๆ ที่นิยมกัน ได้แก่
- มายองเนส (Mayonnaise) เป็นน้ำสลัดพื้นฐานที่มักทำจากไข่ดิบ น้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชู และเครื่องเทศต่างๆ
- น้ำสลัดซีซาร์ (Caesar Dressing) เป็นน้ำสลัดที่มีส่วนผสมหลักคือมายองเนส กระเทียม ชีส Parmesan และน้ำสลัด Worcestershire
- น้ำสลัดเทาส์ซันไอแลนด์ (Thousand Island Dressing) เป็นน้ำสลัดที่มีส่วนผสมหลักคือมายองเนส มะเขือเทศ แตงกวาดอง และไข่
- น้ำสลัดบัลซามิก (Balsamic Dressing) เป็นน้ำสลัดที่มีส่วนผสมหลักคือน้ำส้มสายชูบัลซามิก น้ำมันมะกอก และเครื่องเทศต่างๆ
- น้ำสลัดครีม (Creamy Dressing) เป็นน้ำสลัดที่มีส่วนผสมหลักคือครีมนม น้ำมันพืช และเครื่องเทศต่างๆ
- น้ำสลัดไขมันต่ำ (Low-fat Dressing) เป็นน้ำสลัดที่มีส่วนผสมหลักคือน้ำสลัดไขมันต่ำ น้ำส้มสายชู และเครื่องเทศต่างๆ
น้ำสลัดเป็นซอสหรือน้ำจิ้มที่มักเสิร์ฟคู่กับผักสด สลัด อาหารทะเล และอาหารประเภทอื่นๆ น้ำสลัดช่วยเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการให้กับอาหาร ทำให้อาหารมีความน่ารับประทานยิ่งขึ้น
เรื่องที่แนะนำ
ภาพถ่ายโดย Alesia Kozik: https://www.pexels.com/th-th/photo/6065913/
0 ความคิดเห็น